สิวไม่ใช่แค่ปัญหาผิวที่สร้างความเจ็บปวดเท่านั้น แต่หลังจากสิวหายแล้ว ยังทิ้งรอยสิวไว้บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง รอยดำ หรือแม้กระทั่งหลุมสิวที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน รอยสิวเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ ทำให้การแต่งหน้ายากขึ้น หลายคนจึงมองหาทางลัดสู่ผิวใส ซึ่งการเลเซอร์รอยสิวเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยทำให้รอยสิวจางลงได้ แต่หลาย ๆ คนมีคำถามเกี่ยวกับการเลเซอร์รอยสิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย? แล้วมีเลเซอร์แบบไหนบ้างที่ช่วยได้จริง? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกคำตอบ
รอยสิวเกิดจากอะไร
รอยสิวคือผลลัพธ์จากกระบวนการอักเสบ และ การซ่อมแซมผิวหนังหลังจากเกิดสิว เมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย (โดยเฉพาะ Cutibacterium acnes หรือ P. acnes) ร่างกายจะส่งระบบภูมิคุ้มกันเข้ามาจัดการ ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง หรือเป็นหนอง ในระหว่างกระบวนการอักเสบและการพยายามสมานแผลนี้ เนื้อเยื่อและคอลลาเจนในบริเวณนั้นอาจถูกทำลาย หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีและเส้นเลือดเกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นจากสิวในรูปแบบต่าง ๆ
ประเภทของรอยสิวมีกี่แบบ

ร่องรอยที่สิวทิ้งไว้นั้นไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะการอักเสบและการตอบสนองของผิวแต่ละคน การเข้าใจประเภทของรอยสิวจะช่วยให้เลือกวิธีการรักษา รวมถึงการทำเลเซอร์ลดรอยสิวได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยหลัก ๆ แล้วรอยสิวแบ่งได้ ดังนี้
รอยดำ
รอยดำเกิดจากที่กระบวนการอักเสบเมื่อสิวหาย กระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ การผลิตเม็ดสีที่มากเกินไปนี้ยังคงอยู่ ทำให้บริเวณนั้นปรากฏเป็นรอยสีน้ำตาล เทา หรือดำ ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปีกว่าจะจางหายไปเองตามธรรมชาติ ยิ่งผิวมีการอักเสบมาก หรือมีการแกะเกา ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดรอยดำที่เข้มและชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม
รอยแดง
รอยแดงเกิดจากความเสียหายหรือการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังบริเวณที่เคยมีการอักเสบของสิว แม้ว่าการอักเสบจะหายไปแล้ว แต่เส้นเลือดยังคงขยายตัวหรือเสียหายอยู่ ทำให้เห็นเป็นรอยสีชมพูหรือแดง รอยชนิดนี้มักพบได้บ่อยในผู้ที่มีสีผิวค่อนข้างขาว และอาจคงอยู่ได้นานหลายเดือนเช่นกัน การสัมผัสแสงแดดหรือความร้อนอาจทำให้รอยแดงดูชัดเจนขึ้นได้ชั่วคราว
รอยหลุมสิว
รอยหลุมสิวเกิดจากการที่เนื้อเยื่อและคอลลาเจนถูกทำลายอย่างรุนแรงในระหว่างการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบขนาดใหญ่ สิวหัวช้าง หรือการกดบีบสิวที่ผิดวิธี เมื่อร่างกายซ่อมแซมผิวบริเวณนั้น คอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาทดแทนมีปริมาณไม่เพียงพอ หรือเกิดพังผืดดึงรั้ง ทำให้ผิวหนังยุบตัวลงกลายเป็นหลุม แบ่งย่อยได้อีก 3 ลักษณะหลักตามความลึกและรูปร่าง
- Ice Pick หลุมแคบ ลึกเหมือนโดนน้ำแข็งจิ้ม
 - Boxcar หลุมกว้าง ขอบชัดคล้ายกล่อง
 - Rolling หลุมกว้าง ขอบโค้งมน ผิวดูเป็นคลื่น
 
รอยแผลเป็นนูน
รอยแผลเป็นนูนพบบ่อยบริเวณลำตัวมากกว่าใบหน้า เกิดจากกระบวนการสมานแผลที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนออกมา มากเกินไป ทำให้เนื้อเยื่อนูนหนาขึ้นกว่าผิวปกติ หากรอยนูนจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณแผลเดิมเรียกว่า Hypertrophic Scar แต่ถ้ารอยนูนขยายใหญ่เกินขอบเขตแผลเดิมจะเรียกว่า Keloid Scar รอยนูนอาจมีสีแดง ชมพู หรือเข้มกว่าผิวปกติ และบางครั้งอาจมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย
โปรแกรม เลเซอร์รอยสิว คืออะไร
เลเซอร์รอยสิว คือ การนำเทคโนโลยีพลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงและความยาวคลื่นที่จำเพาะเจาะจง มาใช้ในการรักษาและปรับปรุงลักษณะของรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว หลักการทำงานคือ การยิงลำแสงเลเซอร์ลงไปยังชั้นผิวหนังที่มีปัญหา เพื่อทำลายเม็ดสีส่วนเกินในรอยดำ ลดการขยายตัวของเส้นเลือดในรอยแดง หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิวใหม่เพื่อเติมเต็มหลุมสิวและปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น โปรแกรมเลเซอร์ลดรอยสิวจึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยดูแลรอยสิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงกว่าการทาครีมเพียงอย่างเดียวสำหรับรอยสิวหลายประเภท
เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับใคร

- ผู้ที่มีปัญหารอยดำ (PIH) หรือรอยแดง (PIE) จากสิว ที่ต้องการให้รอยจางลงเร็วขึ้น
 - ผู้ที่มีปัญหารอยหลุมสิวชนิดต่าง ๆ และต้องการให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
 - ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวโดยรวมให้กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำหลังการเป็นสิว
 - ผู้ที่ใช้วิธีรักษารอยสิวแบบอื่น เช่น การทาครีม มาเป็นเวลานานแล้วแต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
 - ผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ ต้องการมีผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา ไร้ร่องรอยกวนใจ
 - ผู้ที่สามารถดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์และหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ตามคำแนะนำ
 
การทำเลเซอร์รอยสิวไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่าเลเซอร์รอยสิวจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดและไม่เหมาะกับบุคคลบางกลุ่ม ได้แก่ สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีประวัติแพ้แสง หรือเป็นโรคผิวหนังบางชนิดที่ไวต่อแสง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ผู้ที่มีแผลเปิดหรือการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา รวมถึงผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรงที่ยังไม่ได้รับการควบคุม นอกจากนี้ ผู้ที่เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้า หรือมีประวัติการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ง่าย อาจต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดเป็นพิเศษก่อนตัดสินใจทำ
การทำเลเซอร์รอยสิวมีกี่แบบ

เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้รักษารอยสิวนั้นมีความหลากหลาย สามารถแบ่งกลุ่มกว้าง ๆ ตามกลไกการทำงานต่อผิวหนังได้ดังนี้
เลเซอร์แบบผลัดเซลล์ผิว (Ablative laser resurfacing)
เลเซอร์แบบผลัดเซลล์ผิวทำงานโดยการส่งพลังงานสูงเพื่อทำลายและลอกเซลล์ผิวชั้นนอก หรือหนังกำพร้า ออกไปทั้งหมด พร้อมทั้งส่งความร้อนลงสู่ชั้นหนังแท้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เลเซอร์ชนิดนี้มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาหลุมสิวลึกและริ้วรอย แต่ก็ทำให้เกิดแผลเปิด จำเป็นต้องมีระยะเวลาพักฟื้นนาน และมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงของสีผิวได้มากกว่ากลุ่มอื่น
เลเซอร์แบบไม่ผลัดผิว (Non-Ablative Laser Resurfacing)
เลเซอร์แบบไม่ผลัดผิวทำงานโดยส่งพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ โดยไม่ทำลาย หรือลอกผิวชั้นนอกออกไป ทำให้ไม่มีแผลเปิดหลังทำ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าแบบ Ablative มาก เลเซอร์กลุ่มนี้เหมาะสำหรับรักษารอยแดง รอยดำ และหลุมสิวตื้น ๆ หรือปรับสภาพผิวโดยรวม แต่อาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผลชัดเจน
เลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน (Fractionated Laser Resurfacing)
เทคโนโลยีการเลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วนเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสองแบบแรก โดยเลเซอร์จะยิงพลังงานลงไปในผิวเป็นจุดเล็ก ๆ นับพันจุด คล้ายการเจาะรูพรุนขนาดจิ๋วลงไปในผิว ทิ้งเนื้อเยื่อปกติโดยรอบไว้ระหว่างจุดที่ยิงเลเซอร์ ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับรักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง และปรับผิวเรียบเนียน
เครื่องเลเซอร์รักษารอยสิว มีอะไรบ้าง
- Pulsed Dye Laser (PDL) เช่น โปรแกรม V beam Laser เหมาะสำหรับรักษารอยแดง (PIE) โดยเฉพาะ เพราะเป้าหมายหลักคือฮีโมโกลบินในเส้นเลือด
 - Picosecond Laser (Program Pico Laser) เป็นเทคโนโลยีสำหรับรักษารอยดำ (PIH) และกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาหลุมสิวตื้น ๆ และรูขุมขนกว้าง ด้วยผลข้างเคียงที่น้อยกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า
 - YAG Laser เป็นเลเซอร์รุ่นก่อน Program Pico ใช้รักษารอยดำได้ดี แต่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเรื่องความร้อนสะสมมากกว่า
 - Fractional CO2 Laser เป็นเลเซอร์แบบ Ablative Fractional ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาหลุมสิวลึก แต่ต้องการการพักฟื้นนานกว่า
 
ข้อดีของการเลเซอร์รอยสิว
- เห็นผลเร็วกว่า : เมื่อเทียบกับการใช้ยาทาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียว เลเซอร์มักให้ผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้เร็วกว่า โดยเฉพาะกับรอยแดงและรอยดำ
 - ประสิทธิภาพสูง : สามารถแก้ไขปัญหารอยสิวที่รักษายาก เช่น หลุมสิวลึก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 - รักษาตรงจุด : พลังงานเลเซอร์สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างจำเพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นเม็ดสี เส้นเลือด หรือการกระตุ้นคอลลาเจน
 - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้นในระยะยาว
 - ปรับปรุงผิวโดยรวม : นอกจากรักษารอยสิวแล้ว ยังช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวดูใสขึ้น
 - เพิ่มความมั่นใจ : การมีผิวที่เรียบเนียนไร้รอยสิวช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจ
 
เลเซอร์รอยสิวมีข้อเสียอะไรบ้าง
การทำเลเซอร์รอยสิวก็มีข้อควรพิจารณาหรือข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ หลังทำอาจมีผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น อาการแดง บวม แสบร้อน หรือผิวลอกเป็นขุย ซึ่งระดับความรุนแรงและระยะเวลาพักฟื้นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเลเซอร์ ที่สำคัญคือ ต้องมีการดูแลผิวหลังทำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงระยะยาว เช่น ผิวคล้ำขึ้นหรือเกิดรอยดำใหม่
โปรแกรม เลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย
เลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหายนั้นไม่มีคำตอบที่แน่นอน เพราะจำนวนครั้งที่ต้องทำขึ้นกับปัจจัยหลัก ๆ เช่น ชนิดและความรุนแรงของรอยสิว รวมถึงชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ การตอบสนองและการฟื้นตัวของผิวแต่ละคน การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวางแผนเฉพาะบุคคลจึงสำคัญที่สุดในการประเมินจำนวนครั้งที่เหมาะสม
เลเซอร์รอยสิว เจ็บไหม
ระดับความเจ็บระหว่างทำเลเซอร์รอยสิวจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ การตั้งค่าพลังงาน และความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป เลเซอร์กลุ่ม Non-Ablative หรือ Program Pico laser มักให้ความรู้สึกคล้ายหนังยางดีดเบา ๆ หรือรู้สึกอุ่น ๆ ที่ผิว ส่วนเลเซอร์กลุ่ม Fractional หรือ Ablative อาจรู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนทำเลเซอร์ทุกครั้งจะมีการทายาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บ นอกจากนี้ หลายคลินิกอาจมีเครื่องเป่าลมเย็นช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวระหว่างทำด้วย หลังทำอาจรู้สึกแสบร้อนคล้ายผิวไหม้แดดเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ทุเลาลง
โปรแกรม เลเซอร์รอยสิว ทำให้หน้าบางจริงไหม

การเลเซอร์รอยสิวนั้นเป็นหัตถการที่ไม่ได้ทำให้ผิวหน้าบาง แต่เลเซอร์หลายชนิดที่ใช้รักษารอยสิว โดยเฉพาะกลุ่มที่กระตุ้นคอลลาเจน (Non-Ablative, Fractional) ยังช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น จากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ แม้แต่เลเซอร์แบบ Ablative ที่ลอกผิวชั้นนอกออกไป ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิมขึ้นมาทดแทน
ขั้นตอนการทำเลเซอร์รอยสิว
กระบวนการทำเลเซอร์รอยสิวโดยทั่วไปมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน แต่การเตรียมตัวและการดูแลหลังทำเป็นสิ่งสำคัญมาก
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์รอยสิว
- ปรึกษาแพทย์ : เพื่อประเมินสภาพผิว วางแผนการรักษา และรับทราบข้อมูลอย่างละเอียด
 - หลีกเลี่ยงแสงแดด : อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
 - งดผลิตภัณฑ์/ยาบางชนิด : ตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด, วิตามินอี, ยาหรือครีมผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA, Retinoids)
 - งดแอลกอฮอล์/สูบบุหรี่ : หากเป็นไปได้ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของผิว
 - แจ้งประวัติสุขภาพ : โดยเฉพาะโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือการเป็นเริม
 - ทำความสะอาดผิว : ในวันนัด ไม่ควรแต่งหน้าหรือทาครีมใดๆ บริเวณที่จะทำ
 
หลังเลเซอร์รอยสิว ดูแลยังไง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์: อย่างเคร่งครัด ทั้งการทายา ทาครีม และข้อควรปฏิบัติอื่น ๆ
 - หลีกเลี่ยงแสงแดด: เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ เป็นประจำทุกวัน
 - ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน งดการขัดถู
 - ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ : ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยสมานผิว
 - งดผลิตภัณฑ์ระคายเคือง : หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารผลัดเซลล์ผิว จนกว่าผิวจะหายดี
 - ห้ามแกะเกา : ในช่วงหลังทำเลเซอร์ควรงดการเกา หากมีสะเก็ด ให้ปล่อยให้หลุดเอง
 - หลีกเลี่ยงความร้อน : งดซาวน่า สตรีม หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ในช่วงแรก
 - ประคบเย็น : เมื่อมีอาการบวมแดงจากการเลเซอร์สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
 
เลเซอร์รอยสิว ราคาเท่าไหร่
- ทั่วหน้า
 
- 
- โปรทดลอง 1 ครั้ง 8,990 บาท
 - โปร 2 แถม 1 ครั้ง 23,980 บาท เฉลี่ยครั้งละ 7,993 บาท
 - โปร 3 แถม 2 ครั้ง 35,970 บาท เฉลี่ยครั้งละ 7,194 บาท
 - โปร 5 แถม 5 ครั้ง 59,950 บาท เฉลี่ยครั้งละ 5,995 บาท (แบ่งได้สูงสุด 2 คน)
 
 
- 1 Area
 
- 
- โปรทดลอง 1 ครั้ง 6,990 บาท
 - โปร 2 แถม 1 ครั้ง 13,980 บาท เฉลี่ยครั้งละ 4,660 บาท
 - โปร 3 แถม 2 ครั้ง 20,970 บาท เฉลี่ยครั้งละ 4,194 บาท
 - โปร 5 แถม 5 ครั้ง 34,950 บาท เฉลี่ยครั้งละ 3,495 บาท
 
 
- 10 Shots / 1,000 บาท
 - ทั่วหน้า ไม่จำกัด Shots
- 1 ครั้ง / 3,990 บาท (ปกติ 7,990 บาท)
 - 5 ครั้ง / 17,990 บาท (ปกติ 36,990 บาท)
 - 10 ครั้ง / 29,990 บาท (ปกติ 69,990 บาท)
 - 20 ครั้ง / 55,990 บาท (ปกติ 134,990 บาท)
 - 40 ครั้ง / 99,990 บาท (ปกติ 259,990 บาท)
 
 
เหตุผลที่ควรเลือกเลเซอร์สิวที่ The Loft Clinic
การเลือกทำเลเซอร์รอยสิวที่ The Loft Clinic คือการเลือกความมั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย ที่นี่เรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเลเซอร์ ที่จะประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดและแม่นยำ เพื่อวิเคราะห์ปัญหารอยสิวแต่ละประเภท และวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด พร้อมเลือกใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล และเหมาะสมกับสภาพผิวและลักษณะรอยสิวของคุณมากที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับผลการรักษาที่ดีที่สุด ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นอย่างปลอดภัย