การเลือกฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นทางเลือกยอดนิยมของคนที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย หรือลดเหงื่อโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนก็อาจสงสัยว่า Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองแบรนด์นี้เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย วันนี้เราจะพาทุกคนไปเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของโบท็อกซ์ทั้งสองยี่ห้อ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนฉีด
เผยความต่างของโบท็อกซ์ Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน
การที่จะตัดสินใจเลือกระหว่าง Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน คุณจำเป็นต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของโบท็อกซ์ทั้งสองชนิดนี้ก่อน ทั้งในแง่ของคุณสมบัติ ข้อดีข้อเสีย ผลลัพธ์ที่ได้ รวมถึงราคา เพื่อให้ได้โบท็อกซ์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด มาดูกันว่าโบท็อกซ์ทั้งสองยี่ห้อนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
โบท็อกซ์ Aestox คืออะไร
โบท็อกซ์ Aestox คือ โบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่ผลิตโดยบริษัท Hugel Inc. ซึ่งเป็นผู้ผลิตโบท็อกซ์ยี่ห้อ Botulax ด้วย ได้รับการรับรองมาตรฐานจากทั้ง KFDA (องค์การอาหารและยาเกาหลี) และ Thai FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไทย) ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อย มีการกระจายตัวยาเป็นวงแคบ ออกฤทธิ์แม่นยำตรงจุด
โบท็อกซ์ Aestox มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง
โบท็อกซ์ Aestox มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น ซึ่งผู้ที่สนใจควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด ดังนี้
ข้อดีของโบท็อกซ์ Aestox
- ความบริสุทธิ์สูง : มีความบริสุทธิ์มากกว่า 99.5% ทำให้โอกาสเกิดการดื้อโบท็อกลดลง
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ : การออกฤทธิ์จะค่อย ๆ ไล่ระดับความตึงในแต่ละขั้น ทำให้ใบหน้าไม่ดูแข็งหรือตึงเกินไป
- กระจายตัวแคบ : ทำให้ออกฤทธิ์แม่นยำเฉพาะจุด ไม่กระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
- ราคาเข้าถึงได้ : มีราคาที่ถูกกว่าโบท็อกซ์จากอเมริกาหรือยุโรป
ข้อเสียของโบท็อกซ์ Aestox
- เห็นผลช้ากว่า : ใช้เวลาในการเห็นผลประมาณ 48-72 ชั่วโมง ซึ่งช้ากว่า Nabota
- อยู่ได้ไม่นานเท่า : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งสั้นกว่าโบท็อกซ์อเมริกา
- ไม่เหมาะกับพื้นที่กว้าง : เนื่องจากกระจายตัวแคบ จึงอาจไม่เหมาะกับการฉีดในพื้นที่กว้าง
โบท็อกซ์ Nabota คืออะไร
โบท็อกซ์ Nabota คือ โบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาตัวยามานานกว่า 30 ปี ได้รับการรับรองจากทั้ง KFDA, Thai FDA และเป็นโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) ตัวยามีความบริสุทธิ์ 98.7% และมีการกระจายตัวกว้างกว่า Aestox
โบท็อกซ์ Nabota มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง
การเลือกฉีด Nabota ก็มีทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณา ซึ่งแตกต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น ๆ ดังนี้
ข้อดีของโบท็อกซ์ Nabota
- เห็นผลไว : เริ่มเห็นผลภายใน 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เร็วกว่า Aestox
- การกระจายตัวกว้าง : เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง เช่น หน้าผาก หรือการฉีดลดกราม
- รับรองโดย U.S. FDA : เป็นโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA
- ผลิตด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ : ใช้เทคโนโลยี HI-PURE ทำให้ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง
ข้อเสียของโบท็อกซ์ Nabota
- ความบริสุทธิ์น้อยกว่า ซ มีความบริสุทธิ์ 98.7% ซึ่งน้อยกว่า Aestox ที่มีความบริสุทธิ์ 99.5%
- อาจทำให้หน้าตึง : เนื่องจากออกฤทธิ์เร็วและชัดเจน อาจทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติถ้าฉีดปริมาณมากเกินไป
- โอกาสดื้อยาสูงกว่า : เนื่องจากมีความบริสุทธิ์น้อยกว่า จึงอาจมีโอกาสดื้อยามากกว่า Aestox
- ราคาสูงกว่า : โดยทั่วไปมีราคาสูงกว่า Aestox เล็กน้อย
เทียบความต่างของ Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน
เมื่อต้องเลือกระหว่าง Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน เราควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ราคา และผลลัพธ์ที่ต้องการ เราลองมาดูให้เห็นภาพกันชัดขึ้นดีกว่า
คุณสมบัติและการออกฤทธิ์
Aestox และ Nabota มีความแตกต่างกันในแง่ของคุณสมบัติและการออกฤทธิ์อย่างชัดเจน Aestox มีความบริสุทธิ์สูงกว่า (99.5% เทียบกับ 98.7%) ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อยกว่า แต่ Nabota ออกฤทธิ์เร็วกว่า (24 ชั่วโมง เทียบกับ 48-72 ชั่วโมง) ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่า
นอกจากนี้ การกระจายตัวของทั้งสองยี่ห้อก็แตกต่างกัน Aestox กระจายตัวเป็นวงแคบ เหมาะสำหรับการฉีดในพื้นที่เล็กที่ต้องการความแม่นยำ เช่น หางตา หรือระหว่างคิ้ว ส่วน Nabota กระจายตัวเป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับการฉีดในพื้นที่กว้าง เช่น หน้าผาก หรือกราม
ราคาและความคุ้มค่า
ในแง่ของราคา โดยทั่วไป Aestox จะมีราคาถูกกว่า Nabota เล็กน้อย แต่ราคาอาจแตกต่างกันไปตามคลินิกและโปรโมชั่น โดยราคาเฉลี่ยของ Aestox 100 ยูนิต อยู่ที่ประมาณ 6,900-7,500 บาท ส่วน Nabota 100 ยูนิต อยู่ที่ประมาณ 7,900-9,000 บาท
หากพิจารณาถึงความคุ้มค่า ทั้งสองยี่ห้อมีข้อดีต่างกัน Aestox อาจคุ้มค่ากว่าสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและมีงบประมาณจำกัด ส่วน Nabota อาจคุ้มค่ากว่าสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลไวและต้องการความมั่นใจจากการรับรองของ U.S. FDA
การคงอยู่ของผลลัพธ์
ในแง่ของการคงอยู่ของผลลัพธ์ ทั้ง Aestox และ Nabota ให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งไม่แตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล พื้นที่ที่ฉีด และการดูแลหลังการฉีด
ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ Aestox หรือ Nabota ดีกว่ากัน
เลือก Aestox เมื่อคุณต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ กระจายตัวแคบ และมีโอกาสดื้อยาน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ฉีดริ้วรอยในจุดเล็ก ๆ ที่ต้องการความแม่นยำ หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ยังต้องการโบท็อกซ์คุณภาพดี ส่วน Nabota เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลไว กระจายตัวกว้าง และได้รับการรับรองจาก U.S. FDA เหมาะกับการฉีดในพื้นที่กว้างหรือลดกราม
Aestox กับ Nabota อันไหนดีกว่ากัน คำตอบคือขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ทั้งสองยี่ห้อล้วนเป็นโบท็อกซ์คุณภาพดีที่ได้รับการยอมรับและใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย การเลือกให้เหมาะกับความต้องการของคุณจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการฉีดโบท็อกซ์คือการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น The Loft Clinic ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกซ์โดยเฉพาะ มีการใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และมีการประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียดก่อนการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด สนใจปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : The Loft Clinic Line : @theloftclinic หรือโทร : 061 812 1166